วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

# ชีวิตที่ดูปลอดภัย...จนวันนั้นมาถึง

กลุ่มพนักงาน กำลังสนทนา ความมั่นคงครอบครัว


เมื่อ ‘ประกันชีวิต’ คือคำตอบที่คุณอาจไม่รู้ตัวว่าต้องการ 

เรื่องราวจากคำบอกเล่าของเขาเอง ถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจทีเดียว  

## ห้องพักเบรก 

เสียงกาแฟหยดลงถ้วย และบทสนทนาที่เปลี่ยนชีวิต  

“เป็นยังไงบ้าง เตรียมตัวไปเที่ยวสงกรานต์กับครอบครัวรึเปล่า?” เพื่อนร่วมงานทักทายด้วยรอยยิ้มขณะยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบอย่างช้าๆ 

“ยังไม่วางแผนเลย...ช่วงนี้ค่าใช้จ่ายเพิ่งพุ่งอีกแล้ว” ชายวัย 35 ปีในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์รูปลูกชายวัย 5 ขวบที่กำลังยิ้มใส่อยู่บนเตียงโรงพยาบาล “เมื่อปีก่อนนี่ค่ารักษาลูกเกือบแสน...แทบถอนเงินเก็บทั้งหมดมาใช้”  

เสียงหัวเราะในห้องพักเบรกค่อยๆ จางลง ทดแทนด้วยความเงียบที่หนักอึ้ง  

## “ความเสี่ยง” ที่ซ่อนอยู่ใต้ภาพครอบครัวอบอุ่น  

ชายคนนั้นเล่าต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตอนแรกเขาคิดว่าแค่ “หวัดใหญ่ธรรมดา” จนวันหนึ่งลูกชายตัวร้อนจัด ตรวจพบเป็น **“ไข้รูมาติก”** ที่กระทบหัวใจ ต้องนอนโรงพยาบาล 2 สัปดาห์ ค่ารักษาพยาบาลรวม 87,000 บาท...ไม่นับค่าตรวจติดตามผลทุก 3 เดือน  

“รู้ไหม...เราเพิ่งทำประกันสุขภาพให้ลูกตอนเดือนที่แล้ว” ภรรยาของเขาเป็นคนยื่นเอกสารประกันมาให้เซ็น ด้วยประโยคที่ว่า “ถ้าวันหนึ่งเราไม่อยู่...ลูกจะได้ไม่ขาดคนดูแล” คำพูดนั้นกระแทกจิตใต้สำนึกของเขาจนต้องหันมาคิดใหม่ว่า ชีวิตที่ดูมั่นคงอาจพังทลายได้จากเหตุการณ์ไม่คาดคิดเพียงครั้งเดียว 

## เมื่อ “ค่ารักษาพยาบาล” กลายเป็นตัวทำลายแผนเงินออม  

ข้อมูลจาก **Deloitte Global Insurance Report 2025** ชี้ว่า ค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลเฉลี่ยในไทยเพิ่มขึ้นปีละ 8-12% โดยโรคในเด็กอย่างโรคทางเดินหายใจรุนแรงหรือมะเร็งเม็ดเลือดขาว มักมีค่ารักษาเฉลี่ย 300,000-1,500,000 บาทต่อปี ซึ่งสูงกว่าเงินออมเฉลี่ยของครอบครัววัยทำงานถึง 3 เท่า   

“ตอนนั้นเงินเก็บ 2 แสน...หายวับไป 40% แถมยังต้องกู้เพิ่ม” ชายคนนั้นกดภาพในโทรศัพท์เปลี่ยนเป็นตาราง Excel ที่เต็มไปด้วยตัวเลขสีแดง “ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก...เราอาจต้องขายรถหรือบ้าน” 

## จิตใต้สำนึก VS ความจริงที่ถูกมองข้าม  

ขณะที่เพื่อนร่วมงานฟังด้วยสีหน้าทรุด เขาเล่าต่อถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนมุมมอง: คืนหนึ่งขณะนั่งเฝ้าลูกในโรงพยาบาล ได้ยินเสียงพ่อครัวส่งของแถวห้องอาหารพูดกับเพื่อนว่า *“ทำประกันชีวิตไว้เถอะ...เดี๋ยวนี้ค่ารักษาพยาบาลแพงกว่าค่าหัว”* ประโยคสั้นๆ นั้นกระตุกให้เขาตระหนักว่า “ความปลอดภัยที่เราคิดว่ามี...อาจเป็นภาพลวงตา” 

นักจิตวิทยาอธิบายว่า จิตใต้สำนึกของมนุษย์มักหลีกเลี่ยงการคิดถึงความเสี่ยงร้ายแรง โดยสร้างภาพลวงว่าชีวิตจะปลอดภัยถ้า “ทำตามปกติ” แต่เมื่อเจอสถานการณ์วิกฤติ สมองส่วนนี้จะเปิดรับข้อมูลใหม่อย่างฉับพลัน 

## ประกันชีวิต: เกราะป้องกันที่มองไม่เห็น...จนกว่าจะต้องการใช้  

“ประกันชีวิตไม่ใช่แค่เรื่องความตาย” เขาอธิบายด้วยความหลงใหลในข้อมูลที่เพิ่งศึกษามา “นี่คือเครื่องมือจัดการความเสี่ยงแบบเรียลไทม์” พร้อมยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบผสมที่ครอบคลุมทั้งการรักษาพยาบาล โรคร้ายแรง และเงินชดเชยรายได้ ซึ่งช่วยลดแรงกระแทกทางเศรษฐกิจได้ถึง 70% หากเกิดเหตุไม่คาดคิด   

“ลองคิดดู...ถ้าวันหนึ่งคุณต้องหยุดงาน 6 เดือนเพื่อดูแลลูก ค่าใช้จ่าย 3 หมื่นต่อเดือน...นั่นคือ 1.8 แสนบาทที่หายไปจากกระเป๋า” เขาชี้ไปที่ตารางเงินออมของเพื่อนร่วมงานที่กำลังวางแผนซื้อบ้าน “แต่ถ้ามีประกันชีวิตแบบชดเชยรายได้...คุณอาจไม่ต้องแตะเงินก้อนนั้นเลย” 

## เสียงจากผู้เคยผ่านเหตุการณ์จริง: “การเตรียมตัวคือการแสดงความรักที่ลึกซึ้งที่สุด”  

ท้ายที่สุด เขาเปิดใจว่าการทำประกันชีวิตครั้งนั้นไม่ใช่แค่การจัดการความเสี่ยง แต่เป็น “การส่งต่อความห่วงใยที่จับต้องได้” ถึงวันที่เขาไม่อยู่ ภรรยาและลูกจะไม่ต้องดิ้นรนกับค่ารักษาพยาบาลหรือค่ากู้ผ่อนบ้าน  

“รู้ไหม...ตอนเซ็นสัญญาประกัน ภรรยาผมร้องไห้” เขาพยักหน้านิ่งๆ “เธอบอกว่านี่คือครั้งแรกที่รู้สึกว่า ‘ความรัก’ มีรูปธรรม...แค่เห็นเบี้ยประกัน 3,000 บาทต่อเดือน ก็รู้สึกว่ากำลังปกป้องครอบครัวอยู่” 

## คำถามที่ควรถามตัวเองก่อนจะสายเกินไป  

ขณะที่เสียงกริ่งเลิกพักเบรกดังขึ้น เพื่อนร่วมงานคนนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา พิมพ์ค้นหาข้อมูลประกันชีวิตด้วยความเร่งรีบ ก่อนจะหันมาถามว่า  

“แล้วถ้าอยากเริ่มทำ...ควรหาข้อมูลจากไหน?”  

ชายคนนั้นยิ้มได้ใจความ...เพราะรู้ว่าบทสนทนาวันนี้ได้กระตุกจิตใต้สำนึกของเพื่อนแล้ว ให้ตระหนักถึง “ความไม่แน่นอน” ที่อาจมาเยือนเมื่อไรก็ได้ และ “ประกันชีวิต” คือทางออกที่เปลี่ยนความกลัว...ให้กลายเป็นแผนการที่ชาญฉลาด  

“เริ่มจากคุยกับคนที่คุณรัก” เขาตอบพร้อมชี้ไปที่รูปครอบครัวในโทรศัพท์ “เพราะทุกการตัดสินใจวันนี้...คือการลงทุนเพื่อวันพรุ่งนี้ของคนที่สำคัญที่สุด” 

## สรุปสาระสำคัญ 

### 1. **จิตใต้สำนึก** ถูกออกแบบมาให้หลีกเลี่ยงการคิดถึงความเสี่ยงร้ายแรง จนกว่าจะเผชิญเหตุการณ์จริง   

### 2. **ค่ารักษาพยาบาล** ที่พุ่งสูงสร้างแรงกระแทกทางเศรษฐกิจมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกเล็ก   

### 3. **ประกันชีวิต** คือเครื่องมือจัดการความเสี่ยงแบบบูรณาการ ที่เชื่อมโยงระหว่างการเงินและความรักในครอบครัว   

**หมายเหตุ:**  บทความนี้สร้างจากข้อมูลจริงและสถิติทางการเงินปี 2025 เพื่อให้ผู้อ่านตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนรับมือความเสี่ยง โดยอ้างอิงข้อมูลจากรายงานของ Deloitte และ McKinsey เกี่ยวกับแนวโน้มประกันชีวิต 

ติดต่อเรา คลิกที่นี่

ตรวจสุขภาพทางการเงิน คลิกที่นี่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

# เสียงที่ไม่ได้ยิน แต่แผนการที่มองเห็น: ถอดรหัสความมั่นคงในแบบของคุณ

ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลล้นหลามและตัวเลือกทางการเงินนับไม่ถ้วน GenZ ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงานมักเผชิญกับความท้าทายที่หนักหน่วง ข้อมู...